ตัวอย่างสัญญาว่าจ้าง ธนบุรีการ์ด แอนด์ เซอร์วิส จำกัด
ตัวอย่าง
สัญญาว่าจ้างรักษาความปลอดภัย
หนังสือฉบับนี้ทำขึ้นเมื่อวันที่ เดือน พ.ศ. ระหว่าง
ตั้งอยู่เลขที่ ซอย ถนน แขวง เขต กรุงเทพมหานคร 10400 โดย ซึ่งต่อไปในสัญญาเรียกว่า “ ผู้ว่าจ้าง “ ฝ่ายหนึ่ง กับ บริษัท ธนบุรี การ์ด แอนด์ เซอร์วิส จำกัด เลขที่ 9/553 ซอยตลาดรามอินทรา กม.2 ถนนรามอินทรา แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพฯ 10220 โดย นายอำนวย ใจบุญ ตำแหน่ง กรรมการผู้จัดการ ซึ่งต่อไปในสัญญาเรียกว่า “ ผู้รับจ้าง “ อีกฝ่ายหนึ่ง ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงทำสัญญาไว้ต่อกันดังต่อไปนี้
ข้อ 1. ผู้ว่าจ้างตกลงให้ผู้รับจ้าง จัดพนักงานรักษาความปลอดภัยเข้าไปดำเนินการรักษาความปลอดภัยในบริเวณ ซึ่งเป็นหน่วยงานของผู้ว่าจ้าง
การรักษาความปลอดภัยตามสัญญานี้ หมายถึง มาตรการตรวจดูแลเฝ้าป้องกันรักษาทรัพย์สินของผู้ว่าจ้างมิให้เกิดความเสียหายหรือสูญหายไปโดยการกระทำของคนร้าย และ/หรือ การมอบหมายให้ดูแลรับผิดชอบเป็นกรณีเฉพาะ (ถ้ามี) คือ
(1) ผู้รับจ้างต้องจัดให้พนักงานรักษาความปลอดภัยทำหน้าที่ดูแลบริเวณด้านข้างอาคาร
และด้านหน้าโต๊ะพนักงาน
(2) พนักงานรักษาความปลอดภัยต้องรับโทรศัพท์ของผู้ว่าจ้างด้วย
(3) พนักงานรักษาความปลอดภัยมีหน้าที่ต้องรับแจ้งเหตุขัดข้องต่าง ๆของผู้ว่าจ้างด้วย
ข้อ 2. ผู้รับจ้าง ตกลงจัดพนักงานรักษาความปลอดภัยเข้าไปบริการรักษาความปลอดภัยให้กับ
ทรัพย์สินของผู้ว่าจ้างตามข้อตกลงในสัญญานี้ นับตั้งแต่วันที่ เดือน พ.ศ.
ถึงวันที่ เดือน พ.ศ.
ข้อ 3. ผู้ว่าจ้างตกลงชำระค่าจ้างให้กับผู้รับจ้าง ในอัตราเดือนละ บาท ( )
3.1 พนักงานรักษาความปลอดภัย
ดูแลระหว่าง 07.00 – 19.00 น. จำนวน นาย
ดูแลระหว่าง 19.00 – 07.00 น. จำนวน นาย
(อัตราค่าจ้างนายละ บาท)
3.3 อุปกรณ์เสริมพิเศษ ไฟฉาย, กุญแจ, กระบอง, เสื้อกันฝน, รองเท้าบูท, ถุงมือจราจร
ผู้รับจ้างเป็นผู้จัดหา
ข้อ 4. อัตราค่าจ้างตามข้อ 3 หากมีการกำหนดอัตราค่าแรงขั้นต่ำใหม่ โดยผลของกฎหมายแรง
งาน ผู้รับจ้างอาจปรับค่าจ้างให้สูงเพิ่มขึ้น โดยผู้รับจ้างจะแจ้งให้ทราบเป็นหนังสือ และหากผู้ว่าจ้างเห็นสมควรประการใด ต้องตอบให้ผู้รับจ้างทราบเป็นลายลักษณ์อักษรภายใน 7 วัน นับตั้งแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้งจากผู้รับจ้าง
ข้อ 5. การจ่ายค่าจ้าง ผู้ว่าจ้างจะจ่ายค่าจ้าง โดยจะวางบิลในวันที่ 30 ของทุกเดือน และให้ผู้รับจ้างรับเช็คไม่เกิน วันที่ 5 ของทุกเดือน ถัดจากการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานรักษาความปลอดภัยผ่านพ้นไปแล้ว และเงินค่าจ้างดังกล่าวนี้ผู้ว่าจ้างจะใช้สิทธิยึดหน่วงหรือถ่วงเวลาได้เกินกำหนด หรือยึดไว้เพื่อหักลบหนี้อย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้ ยกเว้นแต่ได้รับความยินยอมจากผู้รับจ้างแล้วเท่านั้น ถ้าหากผู้ว่าจ้างยึดหน่วงเงินค่าจ้างที่ผู้รับจ้างควรจะได้รับ หรือถ่วงเวลาไม่จ่ายเงินค่าจ้างตามกำหนดไม่ว่ากรณีใดๆ ให้ถือว่าผู้ว่าจ้างผิดสัญญา ผู้ว่าจ้างยินยอมให้ผู้รับจ้างคิดดอกเบี้ยจากจำนวนเงินค่าจ้างที่ค้างชำระได้ ในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี
ข้อ 6. ผู้ว่าจ้าง จะต้องไม่มอบหมายงานอย่างอื่นซึ่งโดยธรรมเนียมปฏิบัติทั่วไปมิใช่งานของพนักงานรักษาความปลอดภัยให้กับพนักงานรักษาความปลอดภัยของผู้รับจ้าง อันเป็นการกระทำให้การปฏิบัติหน้าที่รักษาความปลอดภัยของพนักงานผู้รับจ้างเกิดความบกพร่องขึ้น
ข้อ 7. ผู้ว่าจ้าง สัญญาว่าจะให้สวัสดิการพอสมควรแก่อัตภาพของพนักงานรักษาความปลอดภัย
เป็นต้นว่า ที่พักชั่วคราวก่อนปฏิบัติหน้าที่ ห้องน้ำ น้ำดื่ม และกระแสไฟฟ้าเพื่อแสงสว่าง เป็นต้น ทั้งนี้เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการปฏิบัติหน้าที่
ข้อ 8. หนังสือสัญญานี้มีระยะเวลา 1 ปี นับตั้งแต่วันที่ปฏิบัติหน้าที่ และอาจถูกบอกเลิกก่อนครบกำหนดโดยฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้ ทั้งนี้ การบอกเลิกสัญญาจะต้องกระทำเป็นลายลักษณ์อักษรแจ้งให้อีกฝ่ายหนึ่งทราบล่วงหน้า ไม่น้อยกว่า 30 วัน และเมื่อครบสัญญาแล้ว หรือผู้รับจ้างไม่สามารถให้บริการตามที่ได้ตกลงกันไว้ในเบื้องต้น ผู้ว่าจ้างมีสิทธิบอกเลิกจ้างได้ในทันที หากไม่มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งบอกเลิกสัญญา ก็ให้ถือว่าสัญญานี้มีผลใช้บังคับต่อไปอีกทุก ๆ 1 ปี
8.1 กรณีผู้ว่าจ้างแจ้งให้ผู้รับจ้างเปลี่ยนพนักงานรักษาความปลอดภัยผู้รับจ้างจะต้องรีบ
ดำเนินการเปลี่ยนให้ภายใน 7 วัน หลังจากได้รับแจ้งจากผู้ว่าจ้าง ถ้าหากผู้รับจ้างไม่ดำเนินการให้แล้วเสร็จ ผู้ว่าจ้างมีสิทธิบอกเลิกจ้างได้
ข้อ 9. ภายใต้บังคับสัญญา ข้อ 11. กรณีที่ทรัพย์สินของผู้ว่าจ้างเสียหาย หรือสูญหายขึ้นในบริเวณความรับผิดชอบของพนักงานรักษาความปลอดภัย ผู้ว่าจ้างจะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขดังนี้
9.1 ผู้ว่าจ้างจะต้องแจ้งให้ผู้รับจ้างทราบโดยเร็วที่สุดภายในเวลา 24 ชั่วโมง ด้วย
วาจา และต้องทำหนังสือตามไปภายใน 72 ชั่วโมง นับแต่เกิดการเสียหายหรือสูญหายขึ้น
9.2 ผู้ว่าจ้างจะต้องแจ้งความร้องทุกข์ เพื่อดำเนินคดีต่อผู้กระทำความผิดต่อพนักงานสอบสวน ณ สถานีตำรวจท้องที่ ที่เกิดเหตุภายใน 7 วัน นับแต่เมื่อเกิดการเสียหาย หรือสูญหายขึ้น
9.3 ผู้ว่าจ้างจะต้องไม่เคลื่อนย้ายสิ่งของ หรือทำลาย หรือลบร่องรอยใด ๆ ออกจากบริเวณที่เกิดเหตุจนกว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะออกไปตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ และผู้รับจ้างจะต้องส่งเจ้าหน้าที่ของฝ่ายผู้รับจ้างออกไปตรวจสอบสถานที่ และความเสียหายที่เกิดขึ้นภายใน 24 ชั่วโมง หลังจากที่รับแจ้งจากผู้ว่าจ้างแล้ว
9.5 ในการเรียกร้องให้ชดใช้ค่าเสียหายหรือสูญหายใด ๆ จากผู้รับจ้าง ผู้ว่าจ้างจะต้องนำ
หลักฐานเกี่ยวกับการแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน และหลักฐานแสดงการได้มา และมีอยู่
อยู่ของทรัพย์สินที่เสียหายหรือสูญหายนั้น ๆ แนบพร้อมกับหนังสือเรียกร้องค่าเสียหายที่เกิดขึ้นด้วย
9.5 ผู้ว่าจ้างสัญญาว่าในระหว่างการสอบสวนของผู้รับจ้างเกี่ยวกับการเสียหาย หรือสูญหายของทรัพย์สิน ผู้ว่าจ้างจะไม่ยึดหน่วงเหนี่ยวหรือถ่วงไว้ของเงินค่าจ้างที่จะต้องชำระแก่ผู้รับจ้าง
ตามสัญญา ข้อ 5.
ข้อ 10. หากผู้ว่าจ้างมิได้ปฏิบัติตามเงื่อนไข ข้อใดข้อหนึ่ง ในสัญญาข้อ 9. และมีการเรียกร้อง
ค่าเสียหายหรือสูญหายที่เกิดขึ้น ผู้รับจ้างจะไม่รับผิดชอบในการชดใช้ค่าเสียหายหรือสูญหายใด ๆ ทั้งสิ้น
ข้อ 11. ผู้รับจ้างจะรับผิดชอบต่อการเสียหาย หรือสูญหายที่เกิดขึ้นกับทรัพย์สินของผู้ว่าจ้าง จากกรณี ที่การกระทำที่เกิดขึ้นเป็นการจงใจเจตนาของพนักงานรักษาความปลอดภัยของผู้รับจ้าง ซึ่งปรากฏร่องรอยโจรกรรมเป็นที่ประจักษ์ชัดแจ้ง เช่น การเจาะ, ตัด, งัดแงะ, ทำลาย, เครื่องอุปกรณ์ป้องกันทรัพย์สิน เพื่อทำการโจรกรรมทรัพย์สินของผู้ว่าจ้าง หรือเกิดจากความประมาทเลินเล่อ หรือละเลยไม่ปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานรักษาความปลอดภัยของผู้รับจ้าง ผู้รับจ้างจะไม่รับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดจากเหตุสุดวิสัย เช่น การจลาจล, อัคคีภัย, วาตภัย, หรือภัยอันเกิดจากธรรมชาติ และหรือเป็นความประมาทเลินเล่อของผู้ว่าจ้าง
ข้อ 12. จำนวนเงินที่ผู้ว่าจ้างจะได้รับการชดใช้ค่าเสียหายหรือสูญหายต่อครั้ง จะต้องคิดตามราคาทุนของทรัพย์สินที่เสียหาย หรือสูญหาย โดยหักลบความเสื่อมค่าตามอายุการใช้งานของทรัพย์สินนั้น ๆ ตามที่เป็นจริงและอยู่ในวงเงินไม่เกิน 2 เท่า ของอัตราค่าจ้างต่อเดือน
12.1 การชดใช้ค่าเสียหายผู้รับจ้างจะดำเนินการชดใช้ให้แล้วเสร็จภายใน 90 วัน หลังจาก
เจ้าหน้าที่ฝ่ายผู้รับจ้างได้ดำเนินการสืบสวนหรือสอบสวน และพิจารณาเงื่อนไขจนเป็นที่ยุติแล้วว่าฝ่ายผู้รับจ้างจะต้องเป็นผู้รับผิด
ข้อ 13. ผู้รับจ้าง จะไม่รับผิดชอบต่อการเสียหาย หรือสูญหายของทรัพย์สินที่เป็นของใช้
ส่วนตัวของพนักงานเจ้าหน้าที่ หรือบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ และผู้รับจ้างย่อมปราศจากความผิดชดใช้ค่าเสียหายไม่ว่ากรณีใด ๆ อันเกิดกับรถยนต์ (ยกเว้นกรณีที่รถยนต์โดนเฉี่ยวชนหรือมีร่องรอยการถูกกรีดในบริเวณที่พนักงานรักษาความปลอดภัยของผู้รับจ้างดูแล ) ซึ่งเกิดจากความประมาทเลินเล่อของพนักงานรักษาความปลอดภัยเอง ผู้รับจ้างยินยอมชดใช้ค่าเสียตามที่เกิดขึ้นจริง แต่ไม่เกินครั้งละ 3,000. – บาท ( สามพันบาทถ้วน ) ผู้รับจ้างจะไม่รับผิดชอบต่อการเสียหาย หรือสูญหายทรัพย์สินที่เคลื่อนย้ายได้โดยง่าย เช่น โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ เงินตรา ธนบัตร ต้นฉบับเอกสาร โฉนด แบบแปลน แผนผัง ภาพเขียน หลักประกัน หนี้สิน หลักทรัพย์ หรือเอกสารต่าง ๆ บัตรเครดิต เช็ค สมุดบัญชี หรือหนังสือเอกสารอื่น ๆ อันเกี่ยวกับธุรกิจ เครื่องประดับ อัญมณี นาฬิกา คอมพิวเตอร์ โน๊ตบุค กล้องดิจิตอล โทรศัพท์มือถือ กล้องวีดีโอ เป็นต้น
ข้อ 14. ผู้ว่าจ้างจะต้องแจ้งรายการทรัพย์สินที่สำคัญที่ผู้ว่าจ้างได้มอบหมายให้ผู้รับจ้าง
จัดบริการรักษาความปลอดภัยให้เป็นลายลักษณ์อักษร และกำหนดเขตความรับผิดชอบของพนักงานรักษา
ความปลอดภัย ให้ผู้รับจ้างทราบก่อนที่ผู้รับจ้างจะจัดพนักงานของผู้รับจ้างเข้าไปบริการรักษาวามปลอดภัย
ให้กับผู้ว่าจ้าง เว้นแต่ทรัพย์สินตามสภาพแล้วไม่อาจจะกำหนดจากจำนวนที่แน่นอนได้
ข้อ 15. การเพิ่มลดหรือการเปลี่ยนจุดรักษาความปลอดภัยให้เป็นไปตามความเหมาะสม
กับสภาพของกิจการของผู้ว่าจ้าง แต่ทั้งนี้ จะต้องได้รับความเห็นชอบเป็นลายลักษณ์อักษรด้วยกันทั้งสองฝ่าย ผู้ว่าจ้าง และผู้รับจ้าง ส่วนเงื่อนไขการจ้างให้ถือตามข้อตกลงแห่งสัญญานี้โดยอนุโลม
ข้อ 16. ในกรณีที่ผู้รับจ้างได้พิจารณาเห็นแล้วว่า บริเวณรักษาความปลอดภัย จุดใดอยู่ในลักษณะ
ที่ไม่ปลอดภัย เช่นแสงสว่างไม่พอ รั้วขาด กำแพงพัง หรืออย่างใดอย่างหนึ่งอันจะเป็นช่องทางให้คนร้าย
ใช้เป็นที่ซ่อนกำบัง แอบแฝง หรือซ่อนเร้น เพื่อจะทำการโจรกรรม เมื่อผู้รับจ้างได้แจ้งเสนอแนะ
มาตรการให้ผู้ว่าจ้างจัดการซ่อม แก้ไข หรือติดตั้งต่อเติมให้ดีขึ้น แต่ทางผู้ว่าจ้างมิได้สนใจนำพาหรือมิได้มีการซ่อมแซมแก้ไขให้ดีขึ้น เมื่อมีการโจรกรรมเกิดขึ้น ณ จุดที่ไม่ปลอดภัยนั้น ๆ ผู้รับจ้างจะไม่รับผิดชอบชดใช้ค่าเสียหายนั้น ๆ
ข้อ 17. การแก้ไข การเปลี่ยนแปลง เพิ่มเติมข้อกำหนดในสัญญา จะต้องทำเป็นลายลักษณ์
อักษรระหว่างคู่สัญญาทั้งสองฝ่าย และข้อความที่มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติมดังกล่าว ให้ถือเป็น
ส่วนหนึ่งของสัญญานี้ด้วย
ทั้งสองฝ่ายได้อ่านข้อความตามสัญญานี้โดยตลอดแล้ว เห็นว่าถูกต้องตรงตามเจตนาของตน
ทุกประการ จึงได้ลงลายมือไว้เป็นสำคัญต่อหน้าพยาน และต่างฝ่ายต่างเก็บรักษาไว้ คนละฉบับ
ลงชื่อ ____________________________ผู้ว่าจ้าง ลงชื่อ ____________________________ผู้รับจ้าง
( ) ( )
ลงชื่อ___________________________พยาน ลงชื่อ___________________________พยาน
( ) )